สามประสาน “เอสเอ็มเอฟ” (SMF) โหดจัดปลัดบอก ไม่ว่าจะบุกมาทางฝั่งซ้าย, ขวา และตรงกลาง
ก็ต้องบอกว่าอันตรายทุกนาที สำหรับในฤดูกาลนี้ความคมของพวกเขายังคงมีอยู่ เพราะมีกำลังเสริมที่ยอดเยี่ยมอย่าง ดีโอโก้ โชต้า ที่เข้ามาเติมเต็มเกมรุกของ “หงส์แดง” ให้มีมิติในการเข้าทำที่หลากหลาย แต่หลังจากที่เขาได้บาดเจ็บส่งผลกระทบอย่างแรง
ต่อแท็กติกในการวางหมกของ คล็อปป์ เพราะตัวเลือกที่มีอยู่นอกจาก “หิน เหล็ก ไฟ) แล้ว ทาคุมิ มินามิโนะ กับ ดิว็อค โอริกี้ ยังห่างชั้นเหลือเกิน ที่สำคัญ 3 เกมลีกหลังสุดพวกเขายิงได้แค่ประตูเดียว ในขณะที่เกมกับ แอสตัน วิลล่า ในศึกเอฟเอ คัพ
แนวรุกก็เล่นไม่เป็นชิ้นเป็นอันกว่าเจาะตาข่าย “สิงห์ผงาดจูเนียร์” ก็แทบรากเลือด ที่เห็นสกอร์ชนะเยอะ นั่นเป็นเพราะคุณภาพของนักเตะ มากกว่าการสร้างสรรค์เกมรุก สวนทางกลับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เกมรุกอาจจะไม่ได้ดุดันในช่วงต้นซีซั่น
แต่ตอนนี้พวกเขาฟอร์มร้อนแรงสุดๆ ทั้ง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด เล่นกันได้อย่างเข้าขา แถมยังมีทักษะแล้วความรวดเร็ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ “ผีแดง” สามารถไล่ต้อนคู่แข่งได้ตลอดเวลา ในขณะที่ซุ้มม้านั่งสำรองของพวกเขา
ยังมีดาวรุ่งฟอร์มฮอตอย่าง เมสัน กรีนวู้ด แม้ช่วงที่ผ่านมาฟอร์มอาจจะตกไปบ้าง แต่อย่างลืมว่านักเตะคนนี้มีความสามารถเจาะตัวและความเร็วจัดจ้าน สามารถลงมาช่วยสร้างความแตกต่างได้ ส่วน เอดินสัน คาวานี่ ที่มีทั้งประสบการณ์ และความเฉียบคม
ในการยิงประตู สามารถลงเล่นเป็นตัวจริงก็ได้ หรือจะลงมาเป็นตัวสำรองเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับทีมก็ดี และเขาก็แสดงให้เห็นมาแล้วหลายนัด ทั้งในเกมลีก และเอฟเอคัพ ยกตัวอย่างแมตช์ที่พลิกนรกชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน เป็นต้น ฉะนั้นต้องยอมรับว่า
ขุมกำลังแนวรุกในเชิงลึกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่ากลัวมากกว่า ลิเวอร์พูล ในเวลานี้จริงๆ
ห่างชั้นเหลือเกิน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเกมรับสร้างความแตกต่าง
แม้ว่าตอนนี้หลายคนจะมองว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเกมรับที่แข็งแกร่งกว่าคู่อริร่วมชาติ โดยเฉพาะเมื่อ “ผีแดง” ได้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ เอริก ไบยี่ ยืนเป็นคู่หูเซ็นเตอร์แบ็ก มันช่างเป็นเรื่องยากลำบากเหลือเกินที่แนวรุกคู่แข่งจะบุกเข้ามาเจาะตาข่ายได้
ส่วนฟูลแบ็กในตอนนี้ อารอน วาน-บิสซาก้า กับ ลุค ชอว์ หรือ อเล็กซ์ เตลลิส กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มขึ้น ในเรื่องเกมรับ วาน-บิสซาก้า เชื่อขนมกินได้ส่วนเกมรุกก็กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ ชอว์ กับ เตลลิส ถือเป็นตัวเลือกที่ โซลชา ต้องตัดสินใจว่าจะส่ง
ใครลงสนาม แต่หากเป็นแข้งเลือดบราซิเลียน จะทำให้ “ปีศาจแดง” มีทีเด็ดในจังหวะตั้งเตะโดยเฉพาะลูกเตะมุม พอหันไปมองฝั่ง ลิเวอร์พูล แน่นอนว่าสาวก “เดอะ ค็อป” คงได้แต่กุมขมับ เพราะทุกวันนี้ยังต้องใช้ ฟาบินโญ่ ยืนเป็นเซนเตอร์แบ็กจำเป็น
ส่วน โฌเอล มาติป ก็ต้องลุ้นเฮือกสุดท้ายว่าจะฟิตพร้อมเล่นเกมนี้ไหม ถ้าลงได้ “หงส์แดง” ยังพออุ่นใจ แต่ถ้าลงไม่ได้ คล็อปป์ ก็ต้องเลือกว่าจะใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หรือให้โอกาสสองดาวรุ่ง รีส วิลเลี่ยมส์ กับ นาธาเนียล ฟิลปินส์ ด้าน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
ในเวลานี้ก็ต้องบอกว่าฟอร์มตกสุดๆ เกมรุกที่เคยโดดเด่นก็หายไปหมด เกมรับที่ว่าแย่ๆ ก็อาการหนักเข้าไปอีก งานนี้เจ้าตัวได้เจอ แรชฟอร์ด บทสอบฝีเท้าแหงๆ ส่วน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ยังพอจะไว้วางใจได้บ้างในเกมรับ แต่เกมรุกแม้จะขึ้นไปเปิดบอลได้บ่อยๆ
แต่ไม่ค่อยแม่นยำเหมือนเมื่อก่อน สำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตู เจ้าบ้านได้ อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่พอจะไว้วางใจได้มากที่สุดในเกมรับ ส่วน แมนฯ ยูฯ บอกเลยว่า ดาบิด เด เคอา กลับมาเป็นจอมหนึบคนเดิมอีกครั้ง และหากไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ การจะส่งบอล
ผ่านมือเขาไปซุกก้นตาข่ายไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่นอน ดังนั้นแมตช์นี้ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย หรือการเล่นที่ขาดสมาธิอาจจะเป็นตัวชี้วัดผลการแข่งขันได้เลย
สองเพลย์เมกเกอร์วัดกึ๋นการวางบอล
สำหรับศึก “แดงเดือด” ในครั้งนี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะสร้างสิ่มหัศจรรย์เหมือนที่เขาช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด มาตลอดนับตั้งแต่ที่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมปี 2020 จนตอนนี้เขาคือหัวใจสำคัญของทีมไปเรียบร้อยแล้ว จอมทัพชาวโปรตุกีส เป็นนักเตะคีย์แมน
ในยุคโอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุมบังเหียน หลายๆ เกมที่ผ่านมาเขาสามารถสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมยิงประตูได้เรื่อยๆ ที่สำคัญเจ้าตัวยังเป็นเพชณฆาตเคราดกที่ขันอาสาสังหารจุดโทษได้อย่างเฉียบคมด้วย นับตั้งแต่ บรูโน่ ย้ายเข้ามาคุมแดนกลางของ
แมนฯ ยูไนเต็ด จนกระทั่งจบฤดูกาล 2019/20 มีตัวเลขสถิติออกมาคือ 7 แอสซิสต์ และสอยตาข่ายไป 8 ลูก จากการลงเล่นเพียง 14 เกมเท่านั้น และทุกเกมที่มี บรูโน่ อยู่ในสนาม “ปีศาจแดง” สามารถเก็บแต้มได้ทุกนัด แบ่งเป็น ชนะ 9 เสมอ 5 เมื่อเข้าสู่ซีซั่น
2020/21 บรูโน่ ฟอร์มยังดีวันดีคืน ณ ตอนนี้ เจ้าตัวมีชื่อบนสอร์บอร์ดไปแล้ว 11 ประตู แถมแอสซิสต์อีก 7 หนซึ่งรวมเดือนส่งท้ายปี 2020 เขาทำไป 3 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ จนคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือนธันวาคม แถมยังได้ 2 เดือนติด
และสร้างประวัติศาสตร์ได้ 4 เดือนในรอบปีปฎิทินเดียว (กุมภาพันธ์, มิถุนายน, พฤศจิกายน และ ธันวาคม ปี 2020) ขณะที่แดนกลางของ ลิเวอร์พูล ต้องบอกว่ามีแต่ผู้เล่นชั้นเชิง ไม่มีพวกทีเด็ดเป็นมันสมองของทีม ทั้ง เฮนเดอร์สัน กับ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม
เป็นนักเตะประเภทตัวเชื่อมเกมมากกว่าจะเป็นเพลย์เมกเกอร์ ส่วน ติอาโก้ อัลกันตาร่า ซึ่งฟอร์มกำลังดีวันดีคืน และน่าจะเป็นผู้เล่นจอมทัพที่ “หงส์แดง” ฝากความหวังในการจ่ายบอลสร้างโอกาสให้เกมรุกได้มีลุ้นทำประตู จริงๆ แล้วหากวัดเรื่องประสบการณ์และศักยภาพ แต่ด้วยการที่ ดาวเตะชาวสแปนิช
อ่านข่าวอื่นๆได้ที่ >>> https://www.ufabetwins.com/
หน้าแรก >>> บ้านผลบอล